หลัก 5 ประการ สู่การเป็น “ผู้นำที่น่าเชื่อถือ”

7862

โลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาอย่างรวดเร็วล้วนเคยถูกจำกัดอยู่เพียงในองค์กรทางธุรกิจ แต่ในปัจจุบันเราทุกคนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงในความเร็วระดับดิจิตอลกันแล้ว ด้วยความแปลกใหม่มากมายนี้เอง ที่ทำให้ผู้นำองค์กรต้องปรับกระบวนการคิดให้สอดรับกับคนรุ่นใหม่และโลกที่โยงใยกันอย่างซับซ้อนใบนี้ โลกที่ข้อมูลข่าวสารกลายเป็นสินค้าชั้นดี รวมถึงต้นแบบการปฏิวัติอุตสาหกรรมภายใต้การสั่งงานและควบคุมโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้นำอีกต่อไป

ผู้นำที่ดีต้องยอมรับรูปแบบการเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือให้ได้ เพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตได้ด้วยการส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เน้นการมีส่วนร่วม ความยืดหยุ่น และความคิดการสร้างสรรค์ให้ทันโลกปัจจุบัน โดยที่จะมีหลักของความเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถืออยู่ 5 ประการ ต่อไปนี้

1. การทำงานร่วมกัน

คุณไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ เพราะทุกสิ่งเคลื่อนไปเร็วเกินกว่าที่คนเก่งเพียงคนเดียวจะรับมือได้ทั้งหมด องค์กรจึงต้องมีความคล่องตัวในการทำงานและการสื่อสารระหว่างผู้ร่วมงานอยู่เสมอ

ความโปร่งใสสร้างความน่าเชื่อถือได้ ถ้าคุณรู้สึกเชื่อมโยงกับทีมของคุณและใส่ใจในสิ่งที่พวกเขาทำ รวมถึงสวัสดิการที่ได้รับอย่างแท้จริง พวกเขาย่อมเต็มใจร่วมทำภารกิจกับคุณด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าความรู้สึกผูกพันธ์และความรับผิดชอบต่อสิ่งหนึ่งที่มาจากการลงแรงช่วยกันสร้างขึ้นมานั่นเอง

เล่าจื๊อกล่าวไว้ว่า “ผู้นำที่ดีที่สุด คือคนที่ทุกคนแทบไม่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ เมื่องานสำเร็จลุล่วง ทุกคนก็จะคิดว่า พวกเขานี่แหละที่ช่วยกันทำงานนั้นจนสำเร็จ” นี่แหละคือตัวชี้วัดที่แท้จริงของการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ

“ผู้นำที่ดีที่สุด คือคนที่ทุกคนแทบไม่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ เมื่องานสำเร็จลุล่วง ทุกคนก็จะคิดว่า พวกเขานี่แหละที่ช่วยกันทำงานนั้นจนสำเร็จ” — เล่าจื๊อ (Lao Tzu )

2. วิสัยทัศน์

นักปรัชญาชาวอเมริกัน Eric Hoffer กล่าวว่า “ผู้นำต้องคิดตามหลักความจริง แต่ต้องสื่อสารด้วยวิสัยทัศน์และอุดมคติ” และผู้นำที่น่าเชื่อถือก็สามารถช่วยทำให้สิ่งนามธรรมเหล่านั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้นำจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะพาองค์กรไปในเส้นทางที่ประสบความสำเร็จในอนาคต ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยบริหารองค์กรอย่างมีเป้าหมายและเป็นไปได้จริงสอดคล้องกันไปด้วย

“ผู้นำต้องคิดตามหลักความจริง แต่ต้องสื่อสารออกมาด้วยวิสัยทัศน์และอุดมคติ” — อีริค ฮอฟเฟอร์ (Eric Hoffer)

3. การเอาใจใส่

มนุษย์ทุกคนล้วนมีข้อบกพร่องและต้องเคยประสบวันที่เลวร้ายมาบ้าง ผู้นำที่ดีต้องตระหนักได้ว่าคนในทีมก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่หุ่นยนต์ อย่าเพียงแค่มุ่งหวังให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดเท่านั้น จงให้ใจกับพวกเขาด้วย นั่นแหละที่จะทำให้ทีมรู้สึกรักและร่วมทำงานเพื่อองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

การเอาใจใส่ผู้อื่นในแบบที่เราต้องการให้ผู้อื่นเอาใจใส่เราเป็นหลักสากลที่ใช้กันมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว หากคุณสามารถสร้างวัฒนธรรมการเคารพและการไว้วางใจกันได้ องค์กรของคุณจะสามารถก้าวไปได้ไกลอย่างแน่นอน เพราะเราทุกคนอาจมีบทบาทที่แตกต่างกัน แต่ล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน ดังนั้น จึงควรได้รับการเคารพและปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเช่นกัน

4. สร้างสมดุลในตนเอง

ผู้นำที่น่าเชื่อถือจะต้องมีความหนักแน่นและมีความสมดุลในตัวเอง พวกเขามักจะมีสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล พร้อมให้ความสำคัญกับบริษัทและพนักงานมาก่อนความต้องการของตัวเองเสมอ

เพื่อจะทำงานให้ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงต้องพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพเสียก่อน เพราะนี่คือตัวชี้วัดการเป็นผู้นำที่จริงใจ ดังนั้นผู้นำทุกคนจะต้องมีพื้นฐานชีวิตที่ดีก่อน จึงจะสามารถบริหารการทำงานในโลกสมัยใหม่นี้ได้ เพราะการมีวินัยในทุกเรื่องถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เมื่อคุณต้องเป็นผู้นำคนอื่น

5. จริยธรรม

“หากปราศจากคุณธรรมแล้ว คุณก็เหมือนคนตัวเปล่า และมันไม่ใช่สิ่งที่ซื้อหาได้ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าคุณไม่มีคุณธรรมและจริยธรรม” นี่คือคำกล่าวของนักธุรกิจชาวอเมริกัน Henry Cravis มันอาจจะดูรุนแรงและตรงไปนิด แต่เราทุกคนล้วนรู้ว่ามันคือความจริง

การมีจริยธรรมในธุรกิจอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะหัวโบราณ มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่เลือกเดินบนเส้นทางแห่งผลประโยชน์จนถลำถลึกไปเรื่อยๆ การหนักแน่นในจุดยืนของตัวเองตั้งแต่ต้นจะทำให้คุณและผู้อื่นไม่ต้องพบเจอกับความหายนะในอนาคตได้ แน่นอนว่าการมีคุณธรรมไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็เป็นเส้นทางที่สมบูรณ์และยั่งยืนกว่า ดังนั้น จงเริ่มต้นสร้างคุณธรรมกับตนเองด้วยเรื่องง่ายๆ ในการรักษาคำพูดนี่แหละ

 

Source : Success