7 เคล็ดลับสร้าง “ทัศคติที่ดี” ให้กับตัวเอง

12741

มหัศจรรย์ของพลังแห่งการคิดบวก เป็นคำที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ จนบางครั้งอาจจะฟังดูเฉยๆ และจำเจ แต่มีผลวิจัยออกมามากมายที่ช่วยยืนยันว่าการคิดบวกส่งผลดีต่อสุขภาพกายและจิตใจ ซึ่งพบว่าการคิดบวกจะช่วยสร้างความมั่นใจในตัวคุณให้มากขึ้น ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเครียด ซึมเศร้า หรือโรคที่เกิดจากความเครียดได้

บางคนบอกว่า พลังแห่งการคิดบวกก็คือการที่เราคิดแต่เรื่องดีๆ การใช้คำพูดด้านบวกกับตัวเอง หรือแม้กระทั่งการมอโลกในแง่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ยังอาจทำให้คุณมองไม่เห็นภาพมากนัก และนี่ก็คือเคล็ดลับทั้ง 7 ข้อ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพลังแห่งการคิดบวกได้มากขึ้น

1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความมั่นใจ

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้คุณจะอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน เคยไหม พอคุณตื่นสาย คุณเริ่มรู้สึกกังวล และมีความรู้สึกว่าวันนี้จะเกิดแต่เรื่องแย่ๆ สาเหตุมาจากการที่คุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับจิตใจที่ไม่สดใส เพราะในหัวคุณเต็มไปด้วยความคิดทางลบ พาลทำให้วันนั้นทั้งวันของคุณกลายเป็นวันแย่ๆ ดังนั้นไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกแย่ๆเหล่านี้มากระทบต่อชีวิตของคุณ คุณควรเริ่มวันใหม่ด้วยจิตใจที่แจ่มใสและมั่นใจ อาจจะเริ่มจากการพูดคุยกับตัวเองในกระจก เช่น วันนี้จะต้องมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้น หรือ วันนี้คือวันที่ยอดเยี่ยมของฉัน อาจจะฟังดูตลกเพ้อเจ้อไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว คุณจะรู้สึกทึ่งกับผลลัพธ์ที่ตามมา

2. โฟกัสแต่เรื่องดีๆ รวมถึงเรื่องเล็กๆ

แน่นอนล่ะ คุณต้องพบเจออุปสรรคบ้างในแต่ละวัน เพราะไม่มีอะไรที่เพอร์เฟคไปหมดหรอก เมื่อคุณเจออุปสรรคทั้งเล็กและใหญ่ แทนที่จะเครียดหรือกังวล ลองเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่ด้านดีๆ ของมันดู เช่น เวลารถติดมากๆ ก็ให้คิดซะว่าคุณมีเวลาฟังวิทยุคลื่นโปรดของคุณนานขึ้น หรือถึงแม้อาหารที่คุณชอบกินดันหมด ก็คิดว่าคุณจะได้มีโอกาสลองชิมอาหารแนวใหม่ๆ ที่คุณไม่เคยกินดูบ้าง

3. ในเรื่องร้ายๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆแฝงอยู่เสมอ

การพบเจอเรื่องร้ายๆ ก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องไม่ดีเสมอไป เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านี้อาจกลายเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับคุณไปเลยก็ได้ ให้คุณลองคิดว่าสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่เจอนั้นอาจเป็นเรื่องที่ดีที่คุณจะได้พบเจอทำสิ่งใหม่ๆหรือโอกาสใหม่ๆ เข้ามาแทนที่

4. เรียนรู้จากข้อผิดพลาด

ไม่แปลกที่คุณจะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับหลายๆเรื่อง ทั้งกับเรื่องงานและเรื่องอื่นๆ เพราะคุณไม่ใช่คนที่เพอร์เฟคสมบูรณ์แบบ จงมองข้ามความผิดพลาดในอดีตเหล่านั้นแล้วนำมาเป็นบทเรียน พร้อมทั้งโฟกัสกับสิ่งที่คุณต้องทำ มันจะช่วยให้คุณหาทางออกจากปัญหาเหล่านี้ได้

5. เปลี่ยนจากการดูถูกตนเอง เป็น การให้กำลังใจตัวเอง

การที่คุณพูดดูถูกตัวเองบ่อยๆ เช่น ฉันไม่เก่งเรื่องเหล่านี้เลย หรือ ฉันไม่น่าลองมันเลย บางครั้งคำพูดแย่ๆเหล่านี้อาจลุลุกลามกลายเป็นนิสัยประจำตัวคุณก็ได้ และคำพูดดูถูกแย่ๆ เหล่านี้จะเป็นกำแพงที่กั้นไม่ให้เราพัฒนาไปข้างหน้า ดังนั้น จงหยุดดูถูกตัวเองแล้วหันมาพูดให้กำลังใจตัวเองดีกว่า เช่น ขอเวลากลับไปฝึกฝนใหม่…ครั้งหน้าฉันต้องทำได้แน่นอน หรือ ครั้งนี้ฉันอาจจะผิดหวัง…แต่ครั้งหน้าต้องสำเร็จให้ได้

6. อยู่กับปัจจุบัน

คำว่าอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า ให้โฟกัสแค่วันนี้ หรือ ชั่วโมงนี้ แต่หมายถึง อยู่กับช่วงเวลาปัจจุบันนี้ต่างหาก ความคิดด้านลบมักจะเกิดจากอดีตที่เลวร้าย เกิดจากการที่คุณคิดมาก หรือกังวลเรื่องอนาคตมากเกินไป เช่น หากคุณถูกผู้อื่นตำหนิ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะถูกตำหนิตลอดไปหรอกนะ จงลืมคำพูดแย่ๆ ที่พึ่งผ่านมานั้นเสียเถอะ แล้วไม่ต้องคิดถึงคำพูดแย่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ให้โฟกัสแล้วแก้ปัญหาช่วงเวลานี้ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด แล้วคุณก็จะรู้ว่ามันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิดเลย

7. รายล้อมตนเองด้วย คนคิดบวก

เมื่อรอบตัวคุณห้อมล้อมไปด้วยคนที่มีทัศนคติที่ดี คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านบวก เช่น บุคลิกภาพที่ดี เรื่องราวดีๆ และความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมจากคนเหล่านี้ คุณจะค่อยๆ ซึมซับพลังงานด้านบวกเหล่านี้เข้าไป และส่งผลให้ความคิดและคำพูดของคุณเปลี่ยนไป ถึงแม้การหาคนที่มีทัศนคติที่ดีอาจจะเป็นเรื่องยากเอาสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ควรปล่อยให้ความคิดแย่ๆครอบงำคุณได้ ดังนั้น จงสลัดความคิดแย่ๆออกไป และเปิดโอกาสให้คนอื่นได้สัมผัสพลังงานด้านบวกของคุณสิ แล้วคุณก็จะสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านบวกจากพวกเขาด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใดของชีวิตก็ตาม คุณก็สามารถนำเคล็ดลับทั้ง 7 ข้อนี้ไปใช้ได้เสมอ เพราะยิ่งคุณคิดบวกมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้สิ่งดีๆกลับมาเท่านั้น

 

Source: success